วันอาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ส่องกระจกบ่อยเข้าข่ายเป็นโรค

เตือนวัยรุ่นส่องกระจกบ่อย เสริมสวยพร่ำเพรื่อ อาจเข้าข่ายโรค BDD ต้องปรึกษาจิตแพทย์

เป็นธรรมดาที่เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น หนุ่มสาวหลายคนมักจะให้ความสำคัญกับความสวย ความหล่อและบุคลิกภาพมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะคอยเสริมสวย เสริมหล่อกันตลอดเวลา แต่หากการเสริมสวย เสริมหล่อนั้นพร่ำเพรื่อเกินความจำเป็นก็คงต้องระวัง เพราะอาจเข้าข่ายอาการ 'โรคที่ไม่เป็นโรค' หรือ 'โซมาโตฟอร์ม' (Somatoform disorders) ซึ่งอาการของโรค คือ การเข้าใจของผู้ป่วยว่าเป็นโรค แต่เมื่อไปพบแพทย์กลับตรวจไม่พบการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย

นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนัง อดีตนักวิจัยสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ขณะนี้มีโซมาโตฟอร์มบางอย่างที่น่าสนใจ คือ 'Body Dysmorphic Disorder' หรือ BDD ผู้ป่วยจะมีความกังวลว่า มีความผิดปกติของผิวหนังหรืออวัยวะที่ไม่ได้สัดส่วน เช่น จมูก เปลือกตา และคิ้ว เป็นต้น แม้มีประชากรทั่วไปร้อยละ 1-2 เป็นโรค BDD แต่สติถิโรค BDD กลับสูงขึ้นชัดเจนในกลุ่มผู้ป่วยที่มาพบศัลยแพทย์ตกแต่งที่ร้อยละ 2 -7 และผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ผิวหนังที่ร้อยละ 9-15


ลักษณะอาการผู้ป่วย BDD จะมีความมั่นใจในตัวเองต่ำ ชอบดูกระจกหรือหลีกเลี่ยงการดูกระจกไปเลย ชอบเปรียบเทียบอวัยวะที่ตนเองคิดว่าผิดปกติกับคนอื่น ชอบถามคนอื่นว่า ตา หู จมูกของตนเองปกติหรือพอดูได้หรือไม่ ชอบแต่งหน้า ทำผม ครั้งละนานๆ ใช้เวลาครุ่นคิดถึงรูปร่างหน้าตาตัวเองวันละ 1-3 ชั่วโมง บางคนไปทำศัลยกรรมซ้ำหลายครั้งแต่ก็ยังไม่พอใจ หรือบางคนก็หลีกเลี่ยงการเข้าสังคมโดยการหนีเรียนและหนีงาน โดยจากสถิติพบว่าโรคนี้มักเป็นเรื้อรัง และเริ่มเป็นในวัยรุ่น อายุระหว่าง 16 - 17 ปี พบผู้ป่วยโรคนี้เคยพยายามฆ่าตัวตายถึงร้อยละ 29 โดยพบในชายและหญิงเท่ากัน แต่ในชายพบว่าติดยาด้วยถึงร้อยละ 50

จากอาการของโรคดังกล่าว จึงมีการออกมาเตือนให้ผู้ปกครองและแพทย์เองจำเป็นต้องรู้จักกลุ่มอาการเหล่านี้ โดยแพทย์ต้องหลีกเลี่ยงการเสริมความงามให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ เนื่องจากการเสริมความงามไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐาน คือ เรื่องจิตใจ และการรักษาที่ดีที่สุดคือการปรึกษาจิตแพทย์ร่วมในการรักษา แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองควรทำความเข้าใจว่า โรคผิวหนังบางอย่างเป็นโรคที่แท้จริง เช่น โรคสิว ที่ควรได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง โดยพบว่าผู้ที่เป็นสิวบางรายแม้เป็นสิวเพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลให้เกิดอาการซึมเศร้ารุนแรงพอกับคนที่เป็นโรคสะเก็ดเงินอย่างรุนแรงได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น