วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ป้องกันอาการเพลียใน "วันนั้นของเดือน"



ป้องกันอาการเพลียใน "วันนั้นของเดือน"

ถ้าสาวๆ มีอาการเจ็บหน้าอก : อาหารช่วยได้ อาหารที่มีโอเมก้า 3 เป็นส่วนประกอบ เช่น ปลาทะเลน้ำลึก ปลาซาดีน ปลาทูน่า น้ำมันปลา เพราะโอเมก้า 3 จะไม่เพิ่มฮอร์โมนตัวที่ช่วยบรรเทาความเจ็บในตัวเราได้ค่ะ


ถ้าสาวๆ มีอาการตัวบวม : (ใครที่ตัวบวมอยู่ก่อนหน้านี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้นะคะ ต้องพึ่งแอพโดมิไนซ์เซอร์แล้วล่ะ 5555+) อาหารช่วยได้ อาการตัวบวมจะทำให้สาวๆ ดูอ้วนขึ้นโดยปริยาย ฉะนั้นต้องงดอาหารที่จะทำให้ตัวบวมมากขึ้น อย่างของเค็มๆ ขนมอบกรอบใส่เกลือทั้งหลาย ที่สำคัญต้องดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้น้ำล้างโซเดียมในตัวเราออกมา ตัวจะได้บวมน้อยๆ หน่อยยังไงล่ะคะ


ถ้าสาวๆ อยากกินของจุบจิบ : อาหารช่วยบำบัดได้ค่ะ แคลเซียมจะช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้คงที่ทำให้ความอยากกินนั่นกินนี่โดยไม่มีเหตุผลสลายตัวไปได้ อาหารที่สาวๆ ต้องกินเข้าไปมากๆ ในช่วงนี้จึงได้แก่ของที่มีแคลเซียมเยอะๆ เช่น นม ปลาตัวเล็ก โยเกิร์ต เต้าหู้ คะน้า เป็นต้น


ถ้าสาวๆ มีอาการปวดท้อง : ที่มาของความปวดสุดขีดนี้เกิดจากกล้ามเนื้อในช่องท้องเกร็ง ชั่วโมงนี้สิ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการเกร็งให้คุณก็คือ อาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมมากๆ อย่างผักโขม กระเทียม ถั่ว เมล็ดธัญพืชต่างๆ รีบๆ กินไว้ก่อนมีประจำเดือนยิ่งดีนะจ๊ะ


เหล่านี้ก็คืออาการหลักๆ ที่สาวๆ ส่วนใหญ่มักเป็นในช่วงวันนั้นของเดือน รู้ที่มาที่ไปแล้วก็อย่าลืมป้องกันอาการเหล่านี้ให้ถูกวิธีด้วยนะคะ เพื่อสุขภาพของสาวๆ “วันนั้น” ของเดือนนี้สาวๆ จะได้ไม่ต้องเพลียยังไงล่ะคะ

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผลัดวันประกันพรุ่ง


"ข้อมูลจากศูนย์การเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียสเตต (Pennsylvania State University) ประเทศสหรัฐอเมริกา อธิบายว่า เหตุผลที่คนชอบผลัดวันประกันพรุ่งมี 4 ประการ ดังนี้

1.คิดว่ามีเวลาน้อยเกินไปที่จะจัดการ หรือไม่แน่ใจว่าจะเริ่มงานตอนนี้ดีหรือไม่ เพราะอาจมีเป้าหมายอื่น เช่น ใช้เวลาอยู่กับเพื่อนหรือทำกิจกรรมที่ชอบ
2.รู้สึกว่างานยากเกินไป จนไม่สามารถควบคุมสมาธิให้จดจ่อกับการทำงานได้ เช่น เมื่อเดินไปที่โต๊ะทำงาน ภาพจินตนาการถึงการพักผ่อนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนจะเข้ามาแทรกทันที
3.รู้สึกกลัวหรือกังวลกับงานที่กำลังจะทำ ซึ่งอาจเป็นเพราะมีจำนวนมาก จนคุณรู้สึกว่าทำไม่ไหว หรือถ้าทำไหวก็อาจทำได้ไม่ดี
4.นิสัยส่วนตัวเป็นต้นเหตุของปัญหา เช่น ความไม่มั่นใจในตัวเอง ทำให้คิดว่าตนเองไม่สามารถทำงานนั้นสำเร็จลงได้ เกิดจากความเบื่อหน่าย หรือมีนิสัยคาดหวังความสำเร็จ หรือมีความสมบูรณ์แบบมาก จนไม่กล้าทำงานเพราะกลัวผิดหวัง


วิธีแก้นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง

-มองให้ออกว่าในบรรดาสาเหตุทั้งหมดที่กล่าวมาปัญหาของคุณเป็นแบบไหน
-วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน คุณค่าและความสนใจพิเศษของตัวคุณ โดยทำป้ายติดเอาไว้เพื่อเตือนความทรงจำทุกครั้งที่เห็น
-หาความสนใจพิเศษ (ที่คุณจะมีได้) กับงานตรงหน้า เพื่อให้งานไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
-สร้างตารางเวลาอย่างฉลาด นั่นคือกำหนดช่วงเวลาพักสั้นๆ เพื่อป้องกันความเบื่อหน่าย
-กำจัดทุกสิ่งที่จะรบกวนการทำงานออกไปจากโต๊ะและปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น มีแสงสว่างเพียงพอ มีอุปกรณ์จำเป็นอยู่ใกล้มือ แต่ต้องไม่สะดวกสบายเกินไปจนไม่อยากทำงาน
-ทำให้เหมือนกับว่างานใหญ่ตรงหน้าเป็นงานเล็กๆ ที่ทำเป็นประจำ เพื่อลดความกังวล
-บอกตัวเองให้เชื่อมั่นว่างานตรงหน้ามีคุณค่ามากๆ และมากพอจะทำให้คุณพยายามเริ่มต้น แม้ว่าจะเป็นเรื่องยากก็ตามที
ใครที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งลองนำไปแก้ไขดู พรุ่งนี้อาจจะมีอะไรดีขึ้น

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

19 ways to refresh your eyes ??‏

1. ปรับช่องแอร์ในรถให้ต่ำลงอย่าให้ลมเย็นพ่นเข่าตาโดยตรง เพราะลมเย็นพวกนี้จะเป็นสาเหตุให้ตาแห้ง ถ้าปล่อยไว้นานๆ กระจกตาก็อาจจะถลอกจนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้
2. บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่ดีต่อสายตามากๆและหาซื้อได้ไม่ยากเลย แค่ซื้อแยมบลูเบอร์รี่มาทาขนมปังทาน คุณก็จะได้รับสารอาหารแอนโธไซยาโนไซด์ ซึ่งช่วยบำรุงสายตาแล้ว
3. อย่ามองข้ามมันเทศของดีราคาย่อมเยาที่พ่อค้าเขาเดินขาย วิตามินในมันเทศจะช่วยปรับสายตาของคุณให้เห็นได้ชัดในที่มืด
4. เวลาทำกับข้าวอย่าลืมใส่หัวหอมแดงลงไปด้วยเพื่อให้สารต้านอนุมูลอิสระเคอร์ซิทินในหอมแดงจะช่วยป้องกันต้อหินให้คุณ
5. อย่าขี้เกียจเดินเพราะผลการวิจัยบอกว่าเดินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้งจะช่วยลดความดันในกระบอกตา ทำให้สายตาเป็นปกติ
6. กินปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดโอเมก้า-3 ที่จำเป็นสำหรับบำรุงสายตา
7. ลดขนมหวานๆ และอาหารมันจัดอาหารพวกนี้เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูกับสุขภาพ รวมทั้งสายตาของคุณด้วย
8. ก่อนออกจากบ้านอย่าลืมใส่แว่นกันแดดเสมอเพื่อป้องกันทั้งลม แดด ฝุ่นละออง และเชื้อโรค ที่จะแท็คทีมกันมาทำร้ายสายตาที่รักของเรา
9. ตรวจวัดความดันโลติตเป็นประจำทุกเดือนความดันที่ผิดปกติมีผลโดยตรงต่อสายตามาก จึงไม่ควรมองข้ามการวัดความดัน ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้รักษาได้ทันท่วงที
10. สวมหมวกปีกกว้างแว่นกันแดดอย่างเดียวอาจจะสู้กับแดดแรงมหาร้อนอย่างบ้านเราไม่ไหว หมวกปีกกว้างจึงเป็นอุปกรณ์เสริมอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ เพื่อป้องกันรังสียูวีที่อาจจะเล็ดลอดเข้ามาทางด้านบนของแว่นกันแดด
11. อย่าละเลยการทำความสะอาดดวงตาด้วยน้ำยาล้างเครื่องสำอางค์ทุกคืนเพื่อป้องกันไม่ให้มาสคาร่าที่อาจจะเหลือตกค้างอยู่เข้าไปหมักหมมอยู่ในดวงตาจนเกิดการติดเชื้อ
12. กินผักใบเขียวเป็นประจำทุกวันผักใบเขียวเป็นแหล่งรวมของสารลูเทอินและซีอาแซนธินที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจกและยิ่งซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในกระบอกตาได้ด้วย (คนที่เกลียดผักคงต้องพยายามหน่อยน่ะ)
13. ผักบีตสดๆเป็นของขวัญชั้นดีที่จะมอบให้ดวงตาของตัวเองได้ผักชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องหลอดเลือดในกระบอกตา ทำให้ตาคุณมีเลือดไปเลี้ยงอย่างสมบูรณ์ ทำให้ตาคุณสวยและใส
14. เลิกทานอาหารที่เค็มจัดเพราะคนที่ติดรสเค็มจะมีโอกาสเป็นโรคต้อกระจกมากกว่าคนที่ชอบอาหารรสจืด
15. หมั่นซักผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวบ่อยๆเพื่อให้ผ้าส่วนตัวของคุณสะอาด ปราศจากเชื้อโรค ทีสำคัญไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับใคร เพราะในผ้าพวกนั้นอาจจะมีเชื้อโรคตาแดงซ่อนอยู่
16. น้ำหอมกลิ่นมะลิ วนิลลา หรือเปปเปอร์มินต์ มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นระบบลิมบิกในสมองซึ่งจะไปกระตุ้นเซลล์รูปแท่งในจอตาอีกต่อหนึ่ง ทำให้คุณมองเห็นในที่มืดได้ชัดขึ้น แค่หยดน้ำหอมกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งไว้ที่แขนเสื้อ ก็จะมีสายตาดีขึ้นได้แล้ว ว้าว!! ง่ายจัง
17. อย่าเพ่งมองสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเกินไปแม้การอ่านหนังสือก็ควรถอนสายตามองออกไปที่ไกลๆทุกๆ 30 นาที เพื่อพักสายตาไม่ให้เพลียหรือล้าถาวร
18.กินผักโขมสัปดาห์ละ 2 ครั้งผักชนิดนี้มีสารลูเทอิน ซึ่งจะช่วยป้องกันต้อกระจกและภาวะศูนย์กลางประสาท
19. เปลี่ยนมาสคาร่าขวดใหม่ทุกๆ 3 เดือนทุกครั้งที่มาสคาร่าสัมผัสตาคุณ จะต้องมีความสกปรกเล็กๆน้อยๆ ติดมาด้วย เมื่อมาหมักหมมปนกันนานเกิน 3 เดือนขึ้นไป มาสคาร่าขวดโปรดของคุณก็จะกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคไปโดยปริยาย

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

7 เคล็ดลับอ่านให้จำ ในเวลาจำกัด



อ่านหนังสือกี่ทีกี่ครั้ง ก็จำไม่ได้สักที แถมไม่มีเวลาแล้วด้วย สมาธิก็ไม่รู้หายไปไหนหมด ไม่อ่านก็ไม่ได้ด้วย เกิดสอบตกขึ้นมาจะเศร้ากว่าเดิม ไม่ต้องกังวลไปค่ะ ก็มีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้อ่านหนังสือสอบให้จำได้อย่างสบายๆ มาบอกกันค่ะ ไปดูกันเลยจ้า...




1. ต้องสร้างทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือซะก่อน หากมีทัศนคติที่แย่ๆ ต่อการอ่านหนังสือแล้ว อ่านถึง 10 รอบก็ไม่มีทางจำได้ อ่านเยอะอย่างไรก็ไม่เข้าหัว


2. เมื่อมีทัศนคติที่ดีต่อการอ่านหนังสือแล้ว ก็ต้องมาสร้างแรงจูงใจในการอ่านหนังสือด้วย แรงจูงใจจะเป็นตัวผลักดันและกระตุ้นให้มีความอยากในการอ่านหนังสือ ซึ่งวิธีการสร้างแรงจูงใจก็คือ พยายามคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าเราอ่านหนังสือสำเร็จ เช่น ถ้าเราตั้งใจอ่านหนังสือและเตรียมความฟิตให้ตัวเองจนพร้อมแล้ว เราก็สามารถตะลุยข้อสอบได้ ผลก็คือได้คะแนนเป็นที่น่าพอใจ จากจุดนี้ก็จะทำให้เราได้เกรดสูงๆ หรือไม่ก็ Admissions ติด พ่อ แม่ พี่ น้อง ก็จะดีใจหรืออาจจะได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากท่านอีกก็ได้ อิอิ


3. พยายามสรุปเรื่องที่เราอ่านแล้วจำเป็นรูปภาพ ปกติแล้วมนุษย์จะจำเรื่องราวทั้งหมดเป็นรูปภาพ หลายๆวิชาที่ไม่มีรูปภาพประกอบทำให้เราอ่านแล้วไม่สามารถจินตาการ หรือจดจำได้ ให้เพื่อนๆ สรุปเรื่องที่เราอ่านแล้ว นำมาทำเป็น My map เพื่อเชื่อมโยงในส่วนที่สัมพันธ์กันและวาดให้เป็นความเข้าใจของตัวเอง จะทำให้จำได้แม่นขึ้น


4. หาเวลาติวให้เพื่อน เป็นวิธีการทบทวนความรู้ไปในตัวได้ดีที่สุด เพราะเราจะสอนออกมาจากความเข้าใจของตัวเราเอง หากติวแล้วเพื่อนที่เราติวให้เข้าใจ ถือว่าเราแตกฉานในความรู้นั้นได้อย่างแท้จริง


5. เน้นการตะลุยโจทย์ให้เยอะๆ พยายามหาข้อสอบย้อนหลังมาทำให้ได้มากที่สุด เพราะการตะลุยโจทย์จะทำให้เราจำได้ง่ายกว่าการอ่านเนื้อหา


6. เตรียมตัวและให้ความสำคัญในการอ่านหนังสือในวิชาที่เราถนัดมากกว่าวิชาที่ดันไม่ขึ้น หลายคนเข้าใจผิด ไปทุ่มเทเวลาให้กับวิชาที่เราไม่ถนัด วิชาไหนที่เราไม่ถนัด ดันยังไงมันก็ไม่ขึ้น เสียเวลาเปล่า เอาเวลาไปทุ่มให้กับวิชาที่เราทำได้ให้ชัวร์ดีกว่า จะได้เอาคะแนนไปถัวเฉลี่ยกับวิชาอื่นๆ แบบนี้เข้าท่ากว่าเยอะนะ


7. สมาธิเป็นสิ่งสำคัญมากในการอ่านหนังสือ การอ่านหนังสือให้มีประสิทธิภาพ ต้องมีสมาธิดี ใครที่สมาธิสั้น จะจำยาก ลืมง่าย ใครสมาธิดี จะจำง่าย ลืมยาก การอ่านหนังสือ ต้องอ่านต่อเนื่องอย่างน้อย ชั่วโมงครึ่ง 30 นาทีแรกจิตใจของเรากำลังฟุ้ง ให้พยายามปรับให้นิ่ง 60 นาทีหลัง ใจนิ่งมีสมาธิแล้วก็พร้อมรับสิ่งใหม่ เข้าสู่สมอง ที่สำคัญอย่าเอาขยะมาใส่หัว ห้ามคิดเรื่องพวกนี้ซักพักเช่น เรื่องหนัง , เกม , แฟน พยายามออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้จิตใจเรานิ่งขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โยคะช่วยเพิ่มความสูงได้


อยากเพิ่มความสูงให้กับตัวเองกันรึเปล่าจ๊ะ ถ้าอยากเพิ่มล่ะก็ ต้องมาเล่นโยคะ 3 ท่านี้เลยจ้ะ เพราะมันจะช่วยให้น สูงขึ้นได้ อ๊ะๆ อยากลองฝึกท่าโยคะกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ งั้นไปเริ่มต้นกันเลย....



ท่าสุขอาสนะ : ท่านี้น้องๆ จะต้องนั่งขัดสมาธิกับพื้น หงายฝ่ามือทั้งสองข้างบนเข่า กำหนดลมหายใจเข้า-ออกให้ลึกและสัมพันธ์กัน หายใจเข้า-ออกลึกๆ อย่างน้อย 5 ครั้ง ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะพร้อมๆ กับสูดลมหายใจเข้า ค่อยๆ วางแขนลงช้าๆ ขณะปล่อยลมหายใจออก




ท่าแมว : ท่าสุดท้ายนี้ก็ไม่ยากเช่นกันจ้ะ โดยน้องๆ จะต้องคุกเข่าโดยให้หัวเข่าสองข้างอยู่ห่างกัน วางมือสองข้างให้ตรงกับหัวไหล่ สูดลมหายใจเข้ายกสะโพกขึ้น พร้อมกับแอ่นตัว แหงนหน้าขึ้น ค่อยๆ ยืดตัวตรง และโก่งตัวขึ้น พร้อมกับก้มศีรษะลง กลับสู่ท่าปกติ



ท่าสามเหลี่ยม : ท่านี้ไม่ยากจ้ะ เพียงแค่ยืนแยกขาห่างจากกันประมาณ 90 - 120 เซนติเมตร ให้เท้าทั้งสองข้างขนานกัน หันเท้าซ้าย ไปออกจากลำตัว 90 องศา หันเท้าขวาเข้าหาลำตัว 45 องศา หายใจเข้าพร้อมกับยกแขนขึ้นจากข้างลำตัวให้ขนานกับพื้น หายใจออกพร้อมแนบศีรษะให้ติดกับต้นแขนซ้าย ยืดขาซ้ายให้ตรง หายใจเข้าลึกๆ เอนตัวไปทางด้านซ้ายจนสุด ยืดแขนซ้ายมาจับข้อเท้าซ้ายและยกแขนขวาตั้งตรง แหงนศีรษะมองมือขวาและสูดลมหายใจเข้า-ออกลึกๆ หลายๆ ครั้ง ทำซ้ำท่าเดิมทางด้านขวา

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ระวัง!! บุหรี่ปลอมจีนระบาดในไทยทำตายเร็วกว่าเดิม


สิงห์อมควันระวังไว้ให้ดี บุหรี่ปลอมจากจีนระบาดแล้วในไทย เลียนแบบยี่ห้อดัง “กรองทิพย์” ขายราคาถูก แถมสารก่อมะเร็ง

นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย (สสท.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาบุหรี่ปลอมเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆทั่วโลก โดยมาจากแหล่งผลิตเดียวกันคือ ประเทศจีน ในเมืองหยิวนเซียว เมืองขนาดเล็กในมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งนับว่าเป็นนครหลวงบุหรี่ปลอมของโลก โดยในแต่ละปีจีนสามารถผลิตบุหรี่ปลอมได้ถึง 400,000 ล้านมวน ทำให้ 99% ของบุหรี่ปลอมในสหรัฐอเมริกา และ80% ในสหภาพยุโรป เป็นผลิตภัณฑ์ที่ส่งมาจากจีน
ภาพประกอบข่าวจากอินเทอร์เน็ต


“บุหรี่ปลอมมีสารพิษมากกว่าบุหรี่ เพราะมีสารโลหะหนักต่างๆมากกว่าบุหรี่ทั่วไป คือ มีแคดเมียมมากกว่า 5 เท่า สารตะกั่วมากกว่า 6 เท่า มีสารหนูปริมาณที่สูงกว่า มีทาร์มากกว่า 16 เท่า มีนิโคตินมากกว่า 80% และมีก๊าซคารบอนมอนนอคไซด์ มากกว่า 133% ทำให้เสี่ยงต่อสารก่อมะเร็งมากกว่าบุหรี่ทั่วไป” นพ.หทัยกล่าว


นพ.หทัย กล่าวว่า สำหรับการลักลอบนำเข้าบุหรี่ปลอมในประเทศไทย จากข้อมูลของกรมสรรพสามิตแจ้งว่าในปี 2552 สามารถจับยาสูบผิดกฎหมายได้ถึง 12,796 คดี ซึ่งสูงกว่าปี 2551 ถึง 2,395 คดี มีจำนวนของกลางเป็นยาสูบในประเทศ 300,000 ซอง และยาสูบต่างประเทศ 400,000 ซอง ในจำนวนนี้ 280,000 ซอง ถูกระบุว่าเป็นบุหรี่ปลอมเลียนแบบบุหรี่ในประเทศ และเมื่อเดือนสิงหาคม 2552 ที่ผ่านมา กรมศุลกากรยังจับกุมการลักลอบนำเข้าบุหรี่กรองทิพย์ปลอมถึง 102 หีบหรือ 51,000 ซอง ตามแหลมฉบังซึ่งมีต้นตอมาจากประเทศจีนอีกด้วย ซึ่งในสหภาพยุโรปที่ประสบปัญหาบุหรี่ปลอมเช่นเดียวกับไทย ได้แก้ปัญหาด้วยการใช้เครื่องสแกนตู้ขนสินค้า เช่น ที่เมืองท่ารอตเตอร์แตม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เครื่องสแกนราคา 14 ล้านยูโร สามารถสแกนสินค้าผิดกฎหมายโดยเฉพาะบุหรี่เถื่อน โดยช่วยไม่ให้สูญเสียภาษีที่พึงเก็บได้ถึง 20 ล้านยูโร เพียงช่วงการใช้งาน 6 เดือน


นางศิริวรรณ พิทยรังสฤษฏ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ประเทศไทยควรมีการปรับปรุงการจัดเก็บข้อมูลเรื่องบุหรี่ปลอมอย่างเป็นระบบ เพื่อจัดทำโครงการปราบปรามบุหรี่ปลอมเช่นเดียวกับในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว เพื่อไม่ให้บุหรี่ปลอมทะลักเข้ามาในประเทศไทย เพราะเกิดผลเสียทั้งสุขภาพของคนไทยและผลเสียทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน


วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทิ้งซะเครื่องสำอางหมดอายุ!!!

เครื่องสำอางที่หมดอายุอาจเป็นสาเหตุของปัญหาผิวหน้า เช่น สิว ฝ้า กระ หรือ ผื่นแพ้ต่างๆ ดังนั้น สาวๆ จึงควรสังเกตวันหมดอายุก่อนใช้ และถ้าชิ้นไหนหมดอายุแล้วก็ให้โละทิ้งอย่าเสียดาย


แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางได้ให้ความรู้ว่าปัญหาที่น่ากลัวกว่าการเกิดสิวบนใบหน้าเนื่องจากการใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุ ก็คือ อาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังเรื้อรัง เยื่อบุตาอักเสบ ปากเปื่อย ฯลฯ … ด้วยเหตุนี้เองสาวๆ ถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของวันหมดอายุยังไงล่ะคะ ...

ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันซิคะว่าเครื่องสำอางชิ้นไหนบ้างที่หมดอายุแล้ว

>>> เริ่มจากกลุ่มของเหลว รองพื้นมีอายุเพียง 1 ปีหลังเปิดใช้ ถ้าเป็นแบบผสมน้ำ แต่ถ้ามีน้ำมันผสมหยวนได้ถึง 1 ปีครึ่ง วิธียืดอายุให้เก็บไว้ในตู้เย็น ปิดฝาให้สนิท อย่าสัมผัสรองพื้นโดยตรงใช้แปรงหรือฟองน้ำดีที่สุด ถ้ามีกลิ่นเหม็นหืนหรือเนื้อครีมเปลี่ยนสีต้องทิ้งทันที


>>> กลุ่มลิควิดอายไลเนอร์และมาสคาร่าจะมีอายุสั้นที่สุดเพียง 3-6 เดือน หลังเปิดใช้ เนื่องจากด้ามแปรงที่ปัดขนตาเป็นที่สะสมของแบคทีเรีย วิธียืดอายุ ห้ามปั๊มมาสคาร่าเพราะจะทำให้อากาศเข้าวิธีใช้แค่ขยับแปรงกระทบด้ามเบาๆ 1 ทีก็พอ


>>> น้ำยาทาเล็บมีอายุ 1 ปี หลังเปิดใช้ เขย่าขวดบ่อยๆ ช่วยไม่ให้น้ำยาทาเล็บเกาะตัวกัน แต่ถ้าแข็งมากมีเคล็ดลับใช้น้ำยาล้างเล็บผสมลงไป เขย่าทำให้สีละลายเพิ่มอายุการใช้งาน


>>> น้ำหอม ถ้ายังไม่เปิดใช้เก็บให้ห่างแสงแดดและความร้อน มีอายุนานถึง 3 ปีแต่ถ้าใช้แล้วอยู่ได้ราว 1 ปีครึ่ง สังเกตถ้ามีกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนหรือน้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแปลว่าหมดอายุ


>>> ต่อไปเป็นกลุ่มเนื้อครีม เช่น ลิปสติก ดินสอเขียนขอบปากขอบตา บรัชออนหรืออายแชโดว์แบบครีม มีอายุใช้งานหลังจากเปิดใช้นานถึง 2 ปี แต่ต้องพยายามอย่าใช้มือสัมผัสโดยตรง ควรใช้แปรงแต่ละประเภทแทน แต่ระวังลิปกลอสมีอายุใช้งานเพียง 1 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะแบบจิ้มจุ่ม หากหมดอายุ สีและน้ำมันจะแยกชั้นเห็นชัดเจน รวมทั้งกลิ่นก็จะเปลี่ยนไป


>>> ส่วนสกินแคร์บำรุงผิว ให้ลองสังเกตวันหมดอายุข้างกล่อง ระบุคำว่า MFD หรือ MFG คือวันผลิต นับต่อใช้ได้หลังจากเปิดฝาประมาณ 1 ปี แต่ส่วนใหญ่ให้ดูสัญลักษณ์คล้ายรูปกระป๋องเปิดฝาที่ข้างขวด เช่น มีตัว เลข 12M อยู่ในกระป๋องแปลว่าหลังจากเปิดใช้มีอายุ 12 เดือน เป็นต้น