วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไมเคิล แจ็กสัน


ไมเคิล แจ็กสัน (อังกฤษ: Michael Jackson) มีชื่อเต็มว่า ไมเคิล โจเซฟ แจ็กสัน (Michael Joseph Jackson) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า เอ็มเจ (MJ) หรือแจ็กโก้ (Jacko) เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2501 เป็นนักร้องชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากจนได้รับการขนานนามว่าเป็น ราชาเพลงป็อป หรือ “ King of Pop ”

ไมเคิล แจ็กสัน เริ่มต้นอาชีพนักดนตรีในฐานะนักร้องนำของวง The Jackson 5 เมื่ออายุได้เพียง 7 ปี และได้ออกงานเดี่ยวชิ้นแรกในอัลบั้ม Got to Be There ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2514 ในขณะที่ยังเป็นสมาชิกของวง The Jackson 5 อยู่และมีอายุเพียง 11 ปี ไมเคิล แจ็กสันก็สามารถคว้าอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงมาครองได้มากถึง 3 เพลงฮิตแล้วปี พ.ศ. 2522 มีผลงานออกมาชุด “ Off the Wall ” อัลบั้มเปิดตัวที่ทำยอดขายกว่า 20 ล้านก๊อปปี้ทั่วโลกตามด้วยอัลบั้มประวัติศาสตร์ “ Thriller ”(พ.ศ. 2525) ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติอัลบั้มที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลถึง 60 ล้านชุด และ “ Bad ” ในปี พ.ศ. 2530 ที่สร้างสถิติอีกครั้งด้วยการเป็นอัลบั้มที่มีซิงเกิ้ลต่าง ๆ ขึ้นถึงอันดับ 1 บิลบอร์ดมากที่สุดปี พ.ศ. 2534 ไมเคิลกลับมาพร้อมกับอัลบั้ม “ Dangerous ” ที่มีเพลง “ Black or White ” ติดอันดับ 1 ทั้งในบิลบอร์ดและชาร์ตเพลงทั่วโลก ก่อนที่จะส่งอัลบั้ม “ History ” กับเพลง “ You’re Not Alone ” ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย และล่าสุดกับ “ Invincible ” (พ.ศ. 2544) ซึ่งทิ้งห่างจากงานชุดที่แล้วถึง 10 ปีเต็มหลังจากว่างเว้นจากการทัวร์คอนเสิร์ตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 ไมเคิลได้ประกาศจัดคอนเสิร์ต ดิส อิส อิท ณ โอทู อารีนา กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยแรกเริ่มจัดเพียง 10 รอบ แต่ด้วยแฟนเพลงที่ให้ความสนใจคอนเสิร์ตนี้เป็นอย่างมาก จึงได้เพิ่มรอบเป็น 50 รอบ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ถึง 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553


ไมเคิล แจ็กสัน เป็นที่รู้จักของคนไทยส่วนหนึ่งขึ้นมาจากมีชื่อถูกอ้างถึงในเพลง ทับหลัง ของคาราบาว ในปี พ.ศ. 2531 ที่มีเนื้อร้องในท่อนแยกว่า "เอาไมเคิล แจ็กสันคืนไป เอาพระนารายณ์คืนมา" ซึ่งเป็นบทเพลงที่ได้รับความนิยมจากกระแสเรียกร้องทวงคืนทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์จากสหรัฐอเมริกาเคยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในกลางปี พ.ศ. 2536 เป็นการโปรโมตปิดอัลบั้ม Dangerous กำหนดการแสดง 2 รอบ ในวันที่ 21 สิงหาคม และ 22 สิงหาคม ที่สนามศุภชลาศัย โดยทางบริษัท เทโรเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เป็นผู้จัด ซึ่งก่อนการแสดงได้มีการโปรโมตทางช่อง 3 เป็นรายการพิเศษเกี่ยวกับไมเคิล แจ็กสัน มี เมทินี กิ่งโพยม เป็นพิธีกร โดยออกอากาศในช่วงเที่ยงของวันเสาร์-อาทิตย์ อยู่นานนับเดือนคอนเสิร์ตในครั้งนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากชาว ไทย และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอยู่ช่วงหนึ่ง ถึงความเหมาะสมของการจัดแสดง เพราะบางส่วนเห็นท่าเต้นลูบเป้าของไมเคิลไม่เหมาะสมต่อวัฒนธรรมไทยและเมื่อ เดินทางมาถึง ไมเคิลได้แต่งตัวแปลก ๆ เมื่อลงจากเครื่องบินส่วนตัวด้วยผ้าปิดหน้า โดยเจ้าตัวอ้างว่าได้ยินว่ากรุงเทพ ฯ มีควันไอเสียเยอะ ซึ่งส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดงเห็นว่าเป็นการแสดงออกที่ดูถูกประเทศไทย อีกทั้งต้องใช้ไฟฟ้าเป็น จำนวนมากในการแสดง และราคาบัตรที่เข้าชมก็นับว่าแพงมากด้วย คือ 500, 800, 1,000, 1,500 และ 2,500 บาท โดยคอนเสิร์ตวันแรกจบลงด้วยดี แต่ในวันที่ 22 สิงหาคม ไมเคิล อ้างว่าป่วย ขอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 23 สิงหาคม แต่เมื่อมาถึงก็ขอเลื่อนไปอีก สร้างความไม่พอใจแก่แฟน ๆ จนเกิดเป็นจลาจลย่อย ๆ หน้าสนาม
ซึ่งต้องใช้เทปเสียงของเจ้าตัวมาเปิดยืนยันว่าป่วยจริง ๆ ขอเลื่อนไปเป็นวันที่ 24 สิงหาคม อีกที คราวนี้เมื่อถึงวันที่ 24 สิงหาคมจริง ๆ ก็สามารถจัดการแสดงได้และจบลงด้วยดี ซึ่งปรากฏการณ์คอนเสิร์ตในครั้งนี้นับเป็นการแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ของนักร้อง ชาวต่างประเทศระดับโลกครั้งแรกของไทย และต่อมาก็ได้มีศิลปิน นักร้องต่างประเทศทยอยเดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทยเรื่อย ๆ ตราบจนปัจจุบัน ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากประเทศไทยแล้ว ไมเคิลก็ได้เดินทางต่อไปยังประเทศบรูไน เพื่อเปิดแสดงคอนเสิร์ตที่นั่น โดยมีสุลต่าลบรูไนเป็นผู้จัดและเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีครั้งที่ 2 คือ ในกลางปี พ.ศ. 2538 เป็นการโปรโมตอัลบั้ม History จัดแสดงที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี แสดง 2 รอบอีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับความสนใจเท่าครั้งแรก

ไมเคิล แจ็กสัน ถูกมองว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ชอบทำตัวให้เด่นดังและเป็นข่าวอยู่เสมอ ๆ โดยใช้ชีวิตบนความหรูหรา โอเวอร์เกินคนธรรมดา เช่น คฤหาสถ์ส่วนตัวใช้ชื่อว่า "Never Land" โดยตั้งชื่อให้เหมือนกับดินแดนในเทพนิยายเรื่อง ปีเตอร์แพน ซึ่งในนั้นมีเครื่องเล่นเหมือนสวนสนุกอยู่จำนวนมาก อีกทั้งยังชอบเลี้ยงดูอุปถัมภ์เด็ก ๆ จำนวนมากเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งได้มีการตีความทางจิตวิทยาว่า ตัวไมเคิลเองมีนิสัยเหมือนเด็กที่ไม่ยอมโตนอกจากนั้นไมเคิลยังมีชีวิตที่แปลกพิศดาร เช่น มักแต่งตัวแปลก ๆ อย่างตอนเดินทางมาถึงประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2536 หรือเคยมีผู้พบว่าไมเคิลแต่งตัวเป็นผู้หญิงในห้องน้ำหญิงสาธารณะ หรือการที่เปลี่ยนสีผิวตัวเองด้วยวิทยาการทางการแพทย์จากผิวดำให้เป็นขาวซีดอย่างในปัจจุบัน หรือการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าด้วยซิลิโคนหลายต่อหลายครั้งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2537 ไมเคิลได้สร้างประหลาดใจให้แก่แฟน ๆ เมื่อจู่ ๆ ประกาศหมั้นและแต่งงานกับ ลิซ่า มารี เพรสลีย์ บุตรสาวของเอลวิส เพรสลีย์อย่างกระทันหัน โดยทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตเช่นสามี ภรรยา ก่อนจะเลิกรากันไปในปี พ.ศ. 2539 โดยไม่มีบุตรด้วยกัน (ภายหลังไมเคิลมีบุตร 2 คนจากการผสมเทียมกับเด็บบี้ โรวว์ พยาบาลสาวใหญ่ และมีเพิ่มอีก 1 คนจากสาวผู้ไม่เปิดเผยนาม ด้วยการผสมเทียมเช่นเดียวกัน)ไมเคิลมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับเด็กมากมาย มักปรากฏข่าวถึงการลวนลามทางเพศกับเด็กผู้ชายเสมอ ๆ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2548 ไมเคิลต้องขึ้นศาลฟังคำพิพากษาเลยทีเดียว เมื่อมีคดีข่มขืนเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ปรากฏว่าศาลพิพากษาให้รอดพ้นไป รวมทั้งเคยอุ้มลูกของตัวเองซึ่งยังเป็นทารกอยู่โดยทำท่าว่าจะทิ้งลงมาจากหน้าต่างโรงแรมที่เจ้าตัวอาศัยอยู่ เพื่อทักทายแฟน ๆ ที่รออยู่ข้างล่าง จนได้รับเสียงตำหนิต่อว่าอย่างหนักจากสังคม เป็นต้น


ไมเคิล แจ็คสัน ได้ถึงแก่กรรมในช่วงบ่ายของวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ.2552 ณ โรงพยาบาล UCLA hospital (Ronald Reagan UCLA Medical Center) เวลาประมาณ บ่าย4โมง36นาที ตามเวลาท้องถิ่น และเวลาประมาณ ตี4ในประเทศไทย

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ทำสิ่งเหล่านี้ก่อนที่จะสายไป...




1. Say 'Love'คำว่า 'รัก' พูดง่ายนิดเดียว แต่อยู่ที่ว่าคุณกล้าที่จะพูดหรือไม่
คำว่า ' รัก ' คำเดียวสามารถสร้างปรากฏการณ์แห่งรัก สร้างความสัมพันธ์ที่ดี สร้างความรู้สึกสุขใจกับคนที่คุณรัก และอาจเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างให้กับชีวิตคุณด้วย ไม่เชื่อก็ลองดู


2. Marriedการแต่งงานเป็นความฝันสูงสุดของผู้หญิงทั่วไป การได้มีสามีและลูกที่น่ารักช่วยเติมเต็มชีวิตของคุณให้มีความสุขสมบูรณ์ มีสายใยแห่งความเอื้ออาทรต่อกัน และยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าชีวิตนี้เราก็เป็นคนหนึ่งที่ถูกรักและมีค่าสำหรับใครคนหนึ่งเช่นกัน

3. Best Friendเพื่อน...หาที่ไหนก็หาได้ แต่จะหาเพื่อนแท้สักคนนี่สิหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก ไม่ว่าคุณจะทำอะไรถูกหรือผิด คุณจะเจอปัญหาหนักหนาสาหัสแค่ไหน เพื่อนแท้เท่านั้นที่จะอยู่เคียงข้างคุณ คอยเป็นกำลังใจ เป็นเพื่อนคู่คิด เป็นเพื่อนแก้เหงา เป็นคนที่ทำให้คุณสนุกสนาน เฮฮา หากคุณมีเพื่อนแท้แล้วจงรักษาเขาเอาไว้ให้ดี

4. Travelหากชีวิตที่ผ่านมาคุณมัวหมกมุ่นอยู่กับการทำงานเพียงอย่างเดียว และซีเรียสกับการใช้ชีวิตว่าจะต้องเกิดประโยชน์อย่างนั้นอย่างนี้มากจนเกินไป พานแต่จะทำให้ชีวิตคุณไม่มีความสุข ในวันหยุดที่จะถึงนี้ลองหาสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน เพื่อเติมพลังชีวิตให้กลับมาสดใสมีชีวิตชีวาดีกว่าค่ะ

5. Drunkลองใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงดูสักครั้ง เติมชีวิตให้มีสีสัน เฮฮา ปาร์ตี้ให้สุดๆ กับเครื่องดื่มที่จะทำให้คุณลืมโลก ลืมปัญหา และความวุ่นวายในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ขอเตือนว่าอย่าเมาจนหัวทิ่มกันทุกวันนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณคงได้ลืมโลกใบนี้ไปจริงๆ

6. Live Without TVชีวิตคนเราทุกวันนี้โดนแทรกแซงจากสิ่งประดิษฐ์ และข่าวสารต่างๆมากมายจนทำให้ชีวิตเรายุ่งวุ่นวายอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีเวลาได้อยู่กับตัวเอง โดยเฉพาะโทรทัศน์ที่มีกันแทบจะทุกบ้าน กลับบ้านปุ๊บเป็นต้องหยิบรีโมตขึ้นมากด และหมดเวลาไปกับการนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์และเปลี่ยนช่องดูไปเรื่อยๆ คุณลองอยู่อย่างไม่มีโทรทัศน์ดูสักวันสิคะ แล้วคุณจะรู้สึกว่าวันนั้นคุณทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับตัวเองได้มากทีเดียวค่ะ

7. Own Houseบ้าน คือวิมานของเรา แต่หากเราไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง บ้านนั้นก็อาจไม่ใช่วิมานของเราก็ได้ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองทำงานเก็บเงินและซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักครั้งในชีวิต รับรองว่าคุณต้องภูมิใจและมีความสุขกับบ้านที่คุณได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอย่างแน่นอน

8. Forgivenessเมื่อใดที่มีคนมาทำร้ายเรา หากเรามัวแต่โกรธและจ้องที่จะทำร้ายเขากลับ ความแค้นนี้คงไม่จบไม่สิ้นลงได้ง่ายๆ แต่คุณจงเข้าใจกับความจริงข้อหนึ่งที่ว่า ไม่มีใครหรอกที่จะไม่เคยทำผิดพลาด ไม่มีใครที่ดีพร้อม ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้ และยอมรับมัน เราก็จะมีความสุขกับชีวิตที่รู้จักการให้อภัยมากขึ้น

9. Be Happyชีวิตคนเราเกิดมาสั้นนัก ไม่รู้จะมานั่งเศร้าหมองให้ชีวิตห่อเ+++่ยวไปทำไม จงมีความสุขและเอนจอยกับสิ่งที่ทำ หรือหากมีปัญหาที่ทำให้ทุกข์ใจ ก็อย่าได้ทุกข์กับมันซะนาน ทางที่ดีหาทางแก้ไขและอยู่กับมันอย่างแฮปปี้จะดีกว่าค่ะ

10. Donate Bloodการทำบุญอย่างหนึ่งที่ไม่ว่าคนรวยหรือคนจน (ไม่เป็นเอดส์) ก็ทำได้เหมือนกันนั่นก็คือ การบริจาคโลหิตเพื่อต่อชีวิตให้กับคนที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือ คนคนนั้นอาจเป็นผู้นำครอบครัวที่หาเลี้ยงลูกเมีย หาก ขาดเขาไปสักคน ครอบครัวหนึ่งอาจต้องประสบกับความโหดร้าย ดังนั้นคุณจงภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคนอีกหลายชีวิต แม้จะเป็นทางอ้อมก็ตาม

11. Donate Bodyขณะที่เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เราต่างเห็นสิ่งเลวร้ายและความสูญเสียมานับไม่ถ้วน แต่หากเรามีโอกาสได้ลองบริจาคอวัยวะเมื่อตายไปเพื่อเป็น ประโยชน์ต่อคนที่ต้องการ คุณคิดดูสิคะว่ามันจะดีกว่าที่จะต้องเอาร่างที่ไร้วิญญาณนั้นไปฝังหรือไปเผากว่าเป็นไหนๆ เรียกว่า ตายไปก็ไม่เสียดายชีวิต จริงไหมคะ

เอามาให้อ่านเพื่อพิจารณาดูกับตัวเองนะคะ.....

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

แผนที่ชีวิต


นี่คือคำสั่งสอนของคุณพ่อคนหนึ่งที่มอบแก่ลูก เมื่อลูกเรียนจบมหาวิทยาลัยสำหรับเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต, คำสั่งสอนนี้มีเป็นข้อๆ จึงเข้าใจง่ายหากปฏิบัติได้จะเป็นคุณอนันต์แก่ชีวิต

๑. ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร ขอบคุณข้าวทุกเม็ดอาหารทุกจาน และน้ำทุกหยดหลังรับประทานอาหาร.
๒. เฝ้าดูดวงอาทิตย์ขึ้นและตกอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง.
๓. อ่านหนังสือธรรมะจริงจังปีละหน.
๔. อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใดนอกจากปัญญาและความกล้าหาญ.
๕. จำไว้?? เพื่อนใหม่คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วนเพื่อนเก่าคือ อัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า.
๖. ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้คนอื่นปฏิบัติต่อเรา.
๗. พูดคำว่า "ขอบคุณ" ให้มากๆ.
๘. รักษาความลับให้เป็น.
๙. อย่าประเมินค่าของการให้อภัยต่ำเกินไป.
๑๐. ฟังให้มากแล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี.
๑๑. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้พอเพียง.
๑๒. อย่าโกง แม้กระทั่งค่ารถเมล์.
๑๓. ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองหากมีใครตำหนิและรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นจริง.
๑๔. หากล้มลงจงอย่ากลัวการลุกขึ้นตั้งต้นใหม่เหมือนนักรบที่เรียนรู้การพ่ายแพ้ในศึกเล็ก เพื่อที่จะชนะในศึกใหญ่.
๑๕. เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนัก คิดเสมอว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว.
๑๖. ยังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น อย่าพึงโอ้อวด.
๑๗. เดินเข้าไปทุกที่ด้วยความมั่นใจ.
๑๘. อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟต์.
๑๙. ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อเป็นหนี้สิน.
๒๐. อย่าคิดว่าชีวิตจะยุติธรรมเสมอไป.
๒๑. อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ทำสิ่งที่ควรทำเมื่อเวลามาถึง.
๒๒. อย่าหยิ่ง หากจะกล่าวคำว่า "ขอโทษ"เช่นเดียวกับอย่าอายหากจะบอกใครว่า"ไม่รู้".
๒๓. ระยะทางนับพันกิโลเมตร ไม่มีหนทางที่จะราบรื่น ดังนั้นอย่ากลัวความลำบาก.
๒๔. เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่าใจร้อน.
๒๕. หาเวลาและสถานที่สงบ นึกทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นมาในชีวิต.
๒๖. มีชีวิตอยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายของตนเอง และ
๒๗. จงเขียนเรื่องที่อยาก รู้ก่อนตายไว้ในกระเป๋าติดตัวและหยิบขึ้นมาอ่านเสมอ.

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

โลโก้กูเกิ้ล Google ...

Google


กูเกิ้ลมีโลโก้หลากหลายแบบเรียกกันว่า กูเกิ้ล ดูเดิ้ล Google Doodle เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นกันเอง ปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งาน และให้ความรู้ บางทีโผล่มาเป็นรูปต้นไม้บ้าง ต้นคริสต์มาสบ้าง หัวใจหวานแหววบ้าง
กูเกิ้ล ดูเดิ้ล อันแรกทำขึ้นในปี 2541 ใช้ในวันเทศกาล Burning Man Festival เทศกาลเผาหุ่นยักษ์ ซึ่งจัดช่วงเดือนสิงหาคมทุกปี ออกแบบโดยแลร์รี่ เพจ และเซอร์เกย์ บริน ผู้ก่อตั้งกูเกิ้ล ส่วนโลโก‰ อันอื่นๆ ว่าจ้างบริษัทข้างนอกออกแบบให้ จนกระทั่งแลร์รี่และเซอร์เกย์ขอให้ เดนนิส ฮวาง พนักงานฝึกงานขณะนั้นออกแบบโลโก้สำหรับวัน Bastille Day ให้ในปี 2543 นับแต่นั้นหน้าที่ออกแบบโลโก้พิเศษก็เป็นของฮวาง กูเกิ้ล ดูเดิ้ล จะใช้ในวันเกิดของศิลปิน และนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก เช่น แอนดี้ วอร์ฮอล, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ลีโอนาร์โด ดาวินชี เป็นต้น หรือวันครบรอบ เช่น ฉลองครบรอบ 50 ปีเลโก้ โลโก้จะออกแบบมาเป็นรูปตัวต่อเลโก้

หรือวันสำคัญอย่างวัน April Fool"s Day ก็มีโลโก้พิเศษ ยกตัวอย่างวันวาเลนไทน์ 14 ก.พ. 2550 กูเกิ้ลมีโลโก้หวานแหวว มีสตรอว์เบอร์รี่ราดช็อกโกแลตที่ใช้ตัว g ตัวที่สอง ส่วนก้านสีเขียวแทนตัว แอล ทำให้วันนี้ดูเหมือน แอล หายไปเหลือแค่ Googe
กูเกิ้ลถูกวิจารณ์ในปี 2550 ว่าที่ผ่านมาไม่ยอมทำโลโก้พิเศษสำหรับวันหยุดสำคัญของชาติอเมริกา เช่น วันทหารผ่านศึก นับแต่ ปีนั้นเลยมีโลโก้วันทหารผ่านศึก และวันสำคัญของชาติต่างๆ ออกมา
สำหรับโลโก้อย่างเป็นทางการอันปัจจุบันออกแบบโดย รูธ เกดาร์ นักออกแบบสาวชาวบราซิล ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนกราฟิกที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ออกแบบโลโก้ไว้ด้วยกันถึง 8 แบบ ซึ่ง แลร์รี่ เพจ และ เซอร์เกย์ บริน ผู้ก่อตั้งกูเกิ้ลได้เลือกแบบที่ 8 ไว้บนเว็บ
นอกจากนี้ กูเกิ้ลยังมีเว็บภาษาอื่นๆ นอกจากอังกฤษ จึงมีการ ออกแบบโลโก้เทศกาล วันสำคัญสำหรับใช้เฉพาะในประเทศนั้นด้วย เพื่อดึงดูดความสนใจผู้ใช้งานเฉพาะถิ่น เช่น มีกูเกิ้ลไทยแลนด์ ที่ผ่านมามีโลโก้ ดูเดิ้ลวันสงกรานต์ วันเด็ก วันศิลปินแห่งชาติ
กูเกิ้ลมีการจัดแข่งขันออกแบบโลโก้พิเศษ หรือที่เรียกว่ารายการประกวด ดูเดิ้ลฟอร์กูเกิ้ล Doodle 4 Google สำหรับนักเรียนเกรด 12 โลโก้ที่ชนะจะได้ไปปรากฏในเว็บ Doodle 4 Google ซึ่งคนทั่วไปสามารถเข้าไปโหวตเลือกผู้ชนะได้ ผู้ชนะจะได้ไปทัวร์บริษัทกูเกิ้ล และได้โชว์ผลงานบนเว็บไซต์กูเกิ้ลหนึ่งวัน การแข่งขันจัดเริ่มแรกที่อังกฤษ ปัจจุบันมีอยู่ที่อเมริกา
เราเข้าไปดูโลโก้พิเศษทั้งหมดที่ผ่านมาได้ที่
http://www.mthai.com/external.php?url=http%3A%2F%2Fwww.google.com%2Fholidaylogos.html เหมือนพิพิธภัณฑ์แห่งความทรงจำของโลโก้กูเกิ้ล

Happy Valentine's Day - February 14, 2007First Day of Spring - Design by Eric Carle - March 20, 2009
Happy St. Patrick's Day! Doodle designed by Doodle 4 Google Ireland winner Evan O'Sullivan Glynn - March 17, 2009

Charles Darwin's Birthday - February 12, 2009
Unix 1234567890 - February 13, 2009

Martin Luther King Jr. Day, by Shepard Fairey / Studio Number One - January 19, 2009
Happy New Year - January 1, 2009



วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มีจริงหรอ?? อนุบาลหมีน้อย.!!!

อนุบาลหมีแพนด้า น่ารักๆ ^^












วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พระราชวังแวร์ซายส์

พระราชวังแวร์ซายส์

พระราชวังแวร์ซายส์ แห่งเมืองแวร์ซายส์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1661 - 1681 โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส จุดประสงค์สำคัญคือต้องการให้ชาวโลกเห็นว่า ความมั่งคั่งสมบูรณ์และความงามเลอเลิศที่สุดในโลกมารวมอยู่ที่ฝรั่งเศสทั้งหมด จึงได้สั่งให้รื้อพลับพลาที่สร้างในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ทิ้ง และให้สร้างพระราชวังใหญ่ทำด้วยหินอ่อนและตกแต่งอย่างวิจิตรพิสดาร ด้วยสิ่งประดับที่หาค่ามิได้ ทั้งลวดลายแกะสลักในไม้และหิน เครื่องเคลือบ เครื่องเงิน เครื่องทอง หินอ่อน ภาพเขียนจากฝีมือจิตรกรชื่อดังและฝีมือชั้นเยี่ยม โดยใช้เงินในการก่อสร้างไปเป็นเงิน 500 ล้านฟรังค์ ใช้แรงงานคนในการก่อสร้าง30,000 คน และใช้เวลาสร้างนานถึง 30 ปี


เดิมนั้น เมืองแวร์ซายส์เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเท่านั้น มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขา เยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายส์น่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็กๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น


เมื่อ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จในพ.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง


การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารี อองตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังอยู่ในสภาพดี ยังมีความงามเป็นเลิศ ซึ่งฝรั่งเศสใช้เป็นสถานที่รับแขกเมือง การประชุมที่สำคัญระดับชาติและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้