วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วันอาสาฬหบูชา


วันอาสาฬหบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 วันอาสาฬหบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก โดยการแสดงปฐมเทศนา โปรดพระปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน จนพระอัญญาโกณฑัญญะได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าวันนี้เป็นวันแรกที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้นครบองค์พระรัตนตรัย

วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่สมเด็จพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดง พระปฐมเทศนา หรือการแสดง พระธรรมครั้งแรก หลังจากที่ตรัสรู้ได้ 2 เดือน เป็นวันที่เริ่มประดิษฐานพระพุทธศาสนาเนื่องจากมีองค์ประกอบของ พระรัตนตรัยครบถ้วนคือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 45 ปี ใน

วันเพ็ญ (ขึ้น 15ค่ำ) เดือน 8 ดวงจันทร์ เสวยมาฆฤกษ์

การแสดงพระ ปฐมเทศนา ได้ทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ปัจจุบันคือสารนาถ เมืองพาราณสี พระธรรมที่แสดงคือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เมื่อเทศนาจบ พระโกณฑัญญะ หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ผู้ประกอบด้วย พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานาม และพระอัสสชิ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม มีความเห็นแจ้งชัดว่า

ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมนฺติ

สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งใดสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา


วันอาสาฬหบูชามีเหตุการณ์สำคัญในทางพระพุทธศาสนาอยู่ 3 ประการคือ

1. เป็นวันแรกที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนา โดยทางแสดงพระปฐมเทศนา คือ ธรรมจักกัปปวัตนสูตร ประกาศสัจธรรมอันเป็นองค์แห่งพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณที่พระองค์ตรัสรู้ ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ สรรพสัตว์ทั้งหลาย

2. เป็นวันแรกที่บังเกิดพระอริยสงฆ์สาวกขึ้นในโลก คือ พระโกณฑัญญะ เมื่อได้ฟังพระปฐมเทศนาจบ ได้ดวงตาเห็นธรรม ได้ทูลขออุปสมบท และพระพุทธเจ้าได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีเอหิภิกษุอุปสัมปทา ในวันนั้น

3. เป็นวันแรกที่บังเกิดพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตน และพระสังฆรัตนะ ขึ้นในโลกอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์


วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Mascot World Cup

World Cup Willie อังกฤษ 1966
สิงโตตัวนี้ถือเป็นตัวนำโชค หรือ แมสค็อตตัวแรกในฟุตบอลโลก (ปีก่อนๆ ยังไม่มีแมสค็อต) โดยชัดเจนอยู่แล้วจากสิงโตซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติแล้วสวมเสื้อที่เป็นลายธงยูเนี่ยนแจ็ค
Juanito เม็กซิโก 1970
อ่านเป็นไทยว่า ฮวนนิโต้ สัญลักษณ์เด่นมากกับหมวกทรงพื้นเมืองของประเทศ พร้อมยังลงชื่อประเทศพร้อมปีไว้อีก ซึ่ง ฮวน นั้นเป็นชื่อที่ฮิตกันมากๆ

Tip and Tap เยอรมันตะวันตก 1974
คู่หูอ้วนผอม แถมหน้าตาเฉิ่มๆ เป็นคู่หูนำโชคสวมชุดเยอรมัน ลงชื่อด้วยว่า WM 74 ซึ่งย่อมาจาก Weltmeisterschaft เป็นภาษาเยอรมัน แปลเป็นไทยได้ความว่า ฟุตบอลโลก


Gauchito อาร์เจนติน่า 1978
ชื่อของเจ้าตัวนี้คือ เกาชิโต้ สวมเสื้อทีมชาติฟ้า-ขาวชัดเจน สวมหมวกสไตล์คาวบอย มือถือแส้ เป็นลักษณะของชนพื้นเมือง เลี้ยงม้า เลี้ยงวัว
Naranjito สเปน 1982
แม้ว่าอังกฤษเจ้าของแมสค็อตเจ้าแรกจะทำเป็นรูปสัตว์ แต่อีก 3 ตัวต่อมาดันใช้เป็นมนุษย์ พี่กระทิงดุเลยเปลี่ยนแนวบ้าง มาใช้เป็นส้ม ซึ่งชื่อตัวแมสค็อตเป็นภาษาสเปน แปลไทยก็หมายถึงส้มนั้นแหละ


Pique เม็กซิโก 1986
จากครั้งก่อนผ่านมา 16 ปี เม็กซิโกก็ได้เป็นเจ้าภาพอีกครั้ง เปลี่ยนจากเด็กน้อยมาเป็นพริกหยวก แต่ยังเห็นทรงหมวกสไตล์ดั้งเดิม พร้อมกับเพิ่มหนวดยาวๆ ให้ความเป็นเม็กซิโกชัดเจนขึ้นไปอีก ซึ่งปิเก้นั้นก็แปลจากสเปนเป็นไืทยว่า พวกซอส เครื่องเทศนั้นเอง


Ciao อิตาลี 1990
แมสค็อตปีนี้เป็นลักษณะเหมือนตัวต่อสีเหลี่ยม เอามาต่อๆ กันตามลายของธงชาติอิตาลี ส่วนชื่อนั้นหมายถึง สวัสดี


Striker สหรัฐอเมริกา 1994
อเมริกาเลือกใช้เ้จาน้องหมา ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตของชาวอเมริกันอยู่แล้ว โดยใช้ลายเส้นวาดออกแบบในลักษณะตัวการ์ตูน แบบฉบับของอเมริกา

Footix ฝรั่งเศส 1998
ทีมตราไก่ เมื่อมาเป็นเจ้าภาพเองคงหนีไม่พ้นเจ้าไก่อยู่แล้ว เพราะเป็นเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ลำตัวสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีเดียวกับชุดแข่งของทีมชาติ




Ato, Kaz, Nik เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น 2002
สองเจ้าภาพจากเอเชีย จัดแมสค็อตมาแบบจุใจ สามตัวรวด เป็นลักษณะเหมือนมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลก แต่ว่าไปหน้าตาอันประหลาดๆ แถมเยอะเกินจนแยกไม่ออก เลยไม่รู้สึกว่าเด่นออกมา


Goleo VI, Pille เยอรมัน 2006
เยอรมันกลับมาเป็นเจ้าภาพอีกครั้งใช้แมสค็อตเป็นสิงโตขนฟูๆ พร้อมกับเจ้าลูกบอลที่มีชีวิตด้วย สร้างความแปลกตาได้ไม่น้อย


Zakumi แอฟริกาใต้ 2010
แมสค็อต ประจำปีล่าสุด ต้องบอกว่าอาภัพรักมากมาย เจ้าเสือดาวตัวน้อยนี้ ดูน่ารักสมกับทวีปแอฟริกาดี แต่เจอ วูวูเซล่า เข้าไป เล่นแย่งซีนดังอยู่คนเดียว ผู้คนต่างแห่กันไปซื้อ วูวูเซล่า มาเก็บไว้ ปล่อยให้ ซาคูมิ ต้องนอนเหงาๆ อยู่คนเดียว จริงๆ น่าจะใช้ วูวูเซล่า เป็นแมสค็อต จะเหมาะกว่านะ โดยที่ Za มาจาก รหัสประเทศของประเทศแอฟริกาใต้ และ kumi มีความหมายว่า 10

วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ตากระตุก !!


หลาย ๆ คนคงเคยตากระตุก แต่สิ่งแรกที่จะนึกถึงก็คือ "ขวาร้าย ซ้ายดี" มันเป็นคำเชื่อตังแต่โบราณมาแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วเมื่อไปพบแพทย์ แพทย์ได้บอกให้ฟังว่าอาการตากระตุก แบ่ง ได้เป็น 2 กรณี คือ เปลือกตากระตุก และลูกตากระตุก

เปลือกตากระตุก อาจเกิดจากนิสัยความเคยชินในวัยเด็ก เด็กบางคนสามารถกระตุกเปลือกตาและใบหน้าเป็นครั้งคราวได้ และสามารถหยุดได้ทันทีเมื่อต้องการหยุด อาการจะหายไปได้เมื่อโตขึ้น นอกจากนั้นอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ มักพบในคนสูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย จะมีอาการเปลือกตา ค่อยๆ บีบตัวเกร็งทีละน้อยจนกลายเป็นหลับตาแน่นมากทั้งสองตา เกิดเป็นครั้งคราว ขณะหลับจะไม่มีอาการ หากทิ้งไว้นาน ความรุนแรงและความถี่จะมากขึ้นจน กลายเป็นตาปิดตลอด ทำให้สูญเสียการมองเห็นได้

เปลือกตากระตุกอีกชนิดเกิดจากกล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากระตุก มักเกิดจากเส้นเลือดในสมองโป่งพอง หรือมีเนื้องอกกดเส้นประสาทที่มาเลี้ยงเปลือกตา จะมีอาการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อเปลือกตาและกล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกอาการ เกร็ง จะคงอยู่แม้ขณะหลับจะมีอันตรายต้องได้รับการผ่าตัด

ตากระตุก เป็นอาการกระตุกของลูกตาเป็นจังหวะด้วยทิศทางและความแรงแตกต่างกันออก ไปเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น เกิดขึ้นภายใน 2-3 เดือนแรกหลังคลอดหากลูกตากระตุกเท่าๆ กันในตาทั้งสองข้างอาจร่วมกับการมีศีรษะสั่นด้วย ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น นอกจากนี้ยังพบได้จากการล้าของกล้ามเนื้อตาทำให้ตากระตุก กลุ่มนี้ไม่มีปัญหา อะไรหายเองได้ แต่หากอาการตากระตุกเป็นอยู่นานๆ ควรต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของโรคจะได้แก้ไขอย่างถูกต้องต่อไป